หุ้นกลุ่มพลังงาน-แบงก์พุ่งหนุน ดันหุ้นไทยปิดบวก 3.40 จุด

เรื่องที่น่าสนใจ

หุ้นไทยปิดบวก +3.40 จุด โบรก ฯ ชี้ตลาดดีดตัวในแดนบวกจากแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมีหลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และโบรกเกอร์ต่างประเทศเชียร์ลงทุนกลุ่มแบงก์ ชี้ปัจจัยภายนอกยังกดดันโดยเฉพาะในสหรัฐยังกังวลปัญหาเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งประเด็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ ประเมินกรอบดัชนีที่ 1,645 – 1,655 จุด

ตลาดหุ้นไทย ปิดทำการซื้อขายวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ปรับตัวขึ้น +3.40 จุด หรือ +0.21% โดยปิดที่ 1,649.82 จุด มูลค่าการซื้อขาย 86,134.74 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,658.60 จุด ขณะที่ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,647.90 จุด

ขณะที่ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 755 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 548 หลักทรัพย์ และ ลดลงจำนวน 933 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -1,448.30 ล้านบาท และ นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -1,270.49 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 2,307.07 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 411.71 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 3,932.85 ล้านบาท ปิดที่ 11.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท
2.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 3,572.51 ล้านบาท ปิดที่ 214.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
3.TRUE มูลค่าการซื้อขาย 3,508.81 ล้านบาท ปิดที่ 4.76 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,219.36 ล้านบาท ปิดที่ 144.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
5.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,936.15 ล้านบาท ปิดที่ 66.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.MEGA ปิดที่ 54.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาทหรือ2.86%
2.SYNEX ปิดที่ 27.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาทหรือ 4.81%
3.CRC ปิดที่ 36.75 บาทเพิ่มขึ้น 1.00 บาทหรือ 2.80%
4.KKP ปิดที่ 61.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาทหรือ 1.66%
5.PTTEP ปิดที่ 119.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาทหรือ 0.85%

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 432.00 บาท ลดลง 4.00 บาทหรือ 0.92%
2.SINGER ปิดที่ 47.50 บาท ลดลง 1.00 บาทหรือ 2.06%
3.ADVANC ปิดที่ 214.00 บาท ลดลง 1.00 บาทหรือ 0.47%
4.JMART ปิดที่ 48.25 บาท ลดลง 0.75 บาทหรือ 1.53%
5.MTC ปิดที่ 58.75 บาท ลดลง 0.75 บาทหรือ 1.26%

ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,258.84 จุด เพิ่มขึ้น 4.16 จุด หรือ 0.18% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 989.19 จุด เพิ่มขึ้น 1.93 จุด หรือ 0.20% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 568.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.29 จุด หรือ 1.12%

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยว่าตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายยังปรับตัวขึ้นต่อ โดยระหว่างวันยืนเหนือระดับ 1,650 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไรกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมีหลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และกลุ่มสถาบันการเงิน ซึ่งมีโบรกเกอร์ต่างประเทศเชียร์ลงทุน บวกกับสภาพตลาดยังตอบรับเชิงบวกจากเศรษฐกิจในประเทศเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ก็ยังมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาและเปลี่ยนเทรนกลุ่มลงทุนหลังจากดัชนี SET ขยับขึ้นมากว่า 3% จาก 1,600 จุด มา 1,650 จุด โดยเห็นได้ว่าหุ้นใน 2 วันนี้มีการกระจายตัวเล่น ยกเว้น DTAC-TRUE ที่มีปัจจัยเฉพาะตัว

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องเฝ้าจับตาเหตุปัจจัยลบที่จะเข้ามาจากต่างประเทศที่เข้ามากดดัน โดยในฝั่งสหรัฐยังกังวลปัญหาเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งประเด็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเลือกนายเจอโรม พาวเวล นั่งในตำแหน่งต่อในสมัยที่ 2

ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ มองว่ายังแกว่งตัวไซด์เวย์ บวก-ลบ 3 จุด แม้ว่าภาพรวมตลาดหุ้นยังอยู่ในระดับดีแต่แรงซื้อแผ่ว ราคาหุ้นไปต่อได้น้อย โดยประเมินดัชนีที่ 1,645-1,655 จุด